คู่มือ Beam sensor (กันขโมย) ฉบับสมบูรณ์สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยภายนอกอาคาร
Beam sensor (กันขโมย) คืออะไร?
Beam sensor (กันขโมย) คืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ใช้ลำแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าในการตรวจจับการเคลื่อนที่ของบุคคลหรือวัตถุ โดยทั่วไปจะติดตั้งตามแนวรั้วหรือขอบเขตพื้นที่ภายนอกอาคารเพื่อช่วยในการตรวจพบผู้บุกรุกตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และทำงานร่วมกับระบบสัญญาณกันขโมยหรือกล้องวงจรปิดเพื่อแจ้งเตือนได้ทันที
เซนเซอร์ชนิดนี้มีให้เลือกหลายรุ่น มีทั้งรุ่นตรวจจับระยะสั้น ระยะไกล ไปจนถึงรุ่นที่ออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ทำให้สามารถเลือกใช้เซนเซอร์ที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและพื้นที่ที่แตกต่างกันไป
ในบทความนี้ OPTEX จะอธิบายหลักการทำงานของ Beam sensor (เซ็นเซอร์ลำแสงอินฟราเรด) ประเภทต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้ รวมถึงแนวทางการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของคุณ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

หลักการทำงานและจุดเด่นของ Beam sensor (เซ็นเซอร์ลำแสงอินฟราเรด) จาก OPTEX
Beam sensor แบบยิงลำแสงตรงข้าม (Opposing Type) ทำงานโดยตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ยิงลำแสงอินฟราเรดไปยังตัวรับสัญญาณ (Receiver) เมื่อมีบุคคลหรือวัตถุใดๆ เคลื่อนที่ตัดผ่านลำแสง ระบบจะตรวจจับการบุกรุกและส่งสัญญาณแจ้งเตือนทันที
จุดเด่นของ Beam sensor จาก OPTEX:
- รองรับการตรวจจับระยะไกล (มีรุ่นที่ตรวจจับได้ไกลสูงสุดถึง 200 เมตร)
- เลือกใช้งานได้ทั้งแบบเดินสายและไร้สาย
- เทคโนโลยีเฉพาะของ OPTEX ลดการแจ้งเตือนผิดพลาด ที่เกิดจากสภาพแวดล้อม สัตว์ขนาดเล็ก หรือสภาพอากาศ
- ฟังก์ชันปรับแนวลำแสงที่ใช้งานง่าย (เฉพาะรุ่น SL Series) ช่วยลดเวลาในการติดตั้ง
- ออกแบบให้ตรวจจับได้ไว มั่นใจในความแม่นยำและเสถียรแม้ในสภาพอากาศรุนแรง เช่น หนาวจัดหรือร้อนจัด
- ระบบแจ้งเตือนทันทีเมื่อประสิทธิภาพการตรวจจับลดลง เช่น ในกรณีที่มีหมอกหรือฝน (สัญญาณแจ้งเตือนผ่าน D.Q. เซอร์กิต)
- รองรับการติดตั้งที่หลากหลาย (ทั้งบนกำแพง รั้ว หรือเสาในพื้นที่ต่างๆ)
ข้อดีของ Beam sensor ในการรักษาความปลอดภัย
Beam sensor มีบทบาทสำคัญในการปกป้องพื้นที่ ช่วยให้ตรวจจับผู้บุกรุกได้ตั้งแต่ระยะแรก เมื่อติดตั้งตามแนวรั้วหรือขอบเขตพื้นที่ของอาคาร เซนเซอร์สามารถตรวจจับผู้บุกรุกที่ข้ามเข้ามาในพื้นที่ป้องกัน และส่งสัญญาณแจ้งเตือนทันที
เซนเซอร์เหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัย ช่วยให้ตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว และทำงานร่วมกับระบบสัญญาณกันขโมยและกล้องวงจรปิดได้อย่างราบรื่น เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ทันที
OPTEX มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ตอบโจทย์การใช้งานและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกด้วยประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือที่พิสูจน์แล้ว
แนวทางการเลือก Beam sensor ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมและความต้องการ
การเลือก Beam sensor ที่เหมาะสมที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่และวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นหลัก สามารถใช้เกณฑ์ต่อไปนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด
OPTEX มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น ออกแบบมาเพื่อใช้งานได้ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน
1. การเลือกรุ่นตามระยะการตรวจจับ
- สำหรับการป้องกันรอบพื้นที่ (Perimeter Protection)
การตรวจสอบพื้นที่ขนาดใหญ่หรือแนวเขตพื้นที่อาคาร แนะนำใช้ Beam sensor แบบระยะไกล
OPTEX มีรุ่นที่ตรวจจับได้ไกลสูงสุดถึง 200 เมตร (เช่น SL-650 Series) ทำให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างโดยใช้จำนวนเซนเซอร์น้อยลง
- สำหรับทางเดินแคบและทางเข้าออก (Narrow Pathways and Entrances)
ในพื้นที่ที่ต้องการการตรวจจับที่เชื่อถือได้ในระยะสั้น แนะนำให้ใช้ รุ่นระยะกลางถึงระยะสั้น
เซนเซอร์เหล่านี้ยังเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการติดตั้ง ช่วยให้ปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่น
2. การเลือกรุ่นตามสภาพแวดล้อมการติดตั้ง
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการติดตั้งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเซนเซอร์จะทำงานได้อย่างเสถียรและเชื่อถือได้ในระยะยาว
- พื้นที่ที่มีหมอกหรือฝนตกบ่อย
เพื่อให้การตรวจจับมีความเสถียรแม้ในสภาพทัศนวิสัยต่ำ แนะนำรุ่นที่มีการออกแบบตรวจจับความไวสูงและ D.Q. เซอร์กิต ที่มีประสิทธิภาพ
รุ่น SL-200/350/650QDM ของ OPTEX มาพร้อมเทคโนโลยี A.T.P.C. (Automatic Transmitter Power Control) สามารถปรับการปล่อยลำแสงอินฟราเรดอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม
ฟังก์ชันนี้ช่วยลดการเตือนที่ผิดพลาดและการตรวจจับที่คลาดเคลื่อนที่เกิดจากหมอก, น้ำค้างแข็ง, สัญญาณรบกวนหรือแสงที่มากเกินไป

- พื้นที่ที่มีแสงแดดจ้าหรือแสงสะท้อนมาก
แนะนำให้ใช้รุ่นที่มี เทคโนโลยี Sunshine Protection ซึ่งช่วยลดการเตือนที่ผิดพลาดที่เกิดจากแสงแดดหรือแสงสะท้อน
เซนเซอร์รุ่น SL-QDP และ SL-QDM ของ OPTEX ใช้ฟิลเตอร์ออปติคแบบสามชั้น ช่วยป้องกันการแจ้งเตือนผิดพลาดแม้ในสภาวะแสงจ้า ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงในการใช้งานภายนอกอาคาร
- พื้นที่ที่เกิดฟ้าผ่าบ่อย
ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อฟ้าผ่าบ่อยครั้ง แนะนำให้เลือกรุ่นที่ได้รับ การออกแบบมาให้ทนทานต่อฟ้าผ่า
ผลิตภัณฑ์บางรุ่นของ OPTEX มีคุณสมบัติป้องกันฟ้าผ่าซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการทำงานผิดปกติหรือความเสียหายจากไฟกระชากได้
รุ่นไร้สาย เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความเสี่ยงจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฟ้าผ่าน้อยกว่าเนื่องจากไม่มีการเชื่อมต่อด้วยสายไฟ
▶ รุ่นไร้สายที่แนะนำ: SL-350QFR/SL-350QNR, SL-100TNR/SL-200TNR
- พื้นที่ที่กังวลเรื่องการเตือนที่ผิดพลาดจากนกหรือใบไม้ร่วงบ่อย
การใช้ เซนเซอร์แบบ 4 ลำแสง (Quad-beam) จะช่วยลดการเตือนที่ผิดพลาดจากนกหรือใบไม้ร่วงได้มากกว่าเซนเซอร์แบบ 2 ลำแสง (twin-beam)
เซนเซอร์แบบ 4 ลำแสงจะส่งสัญญาณเตือนก็ต่อเมื่อลำแสงทั้งสี่ถูกตัดพร้อมกันเท่านั้น ส่งผลให้ความแม่นยำในการตรวจจับสูงขึ้น

3. การเลือกผลิตภัณฑ์ตามความต้องการในการใช้งาน
- เมื่อต้องการลดเวลาในการติดตั้ง
เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันช่วยในการปรับแนวลำแสง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตั้งได้อย่างมาก
เซนเซอร์รุ่น SL Series ของ OPTEX มีเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ เช่น ไฟ LED (LED indicators) แสดงระดับการปรับแนว และ Sniper Viewfinder ที่ช่วยในการปรับแนวลำแสงได้อย่างแม่นยำ
โดยเฉพาะรุ่น SL-200/350/650QDM สามารถตรวจสอบระดับการปรับแนวที่ตัวส่งสัญญาณ ทำให้สามารถติดตั้งคนเดียวได้- Sniper Viewfinder:
เลนส์ขยายสองเท่าของรุ่นปกติ ช่วยให้มองเห็นชัดเจนแม้ระยะไกล ทำให้การปรับแนวลำแสงเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ พร้อมคงความเสถียรของประสิทธิภาพการทำงาน
- Sniper Viewfinder:

- เมื่อต้องการลดสัญญาณแจ้งเตือนผิดพลาด
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้โครงสร้าง Quad-beam และ เทคโนโลยี Double Modulation ช่วยลดการตรวจจับที่ผิดพลาดที่เกิดจากสัตว์ขนาดเล็ก, แสงแดด และการรบกวนจากแสงโดยรอบ
- เมื่อต้องการเพิ่มการตรวจจับในแนวตั้งเพื่อป้องกันการบุกรุกที่อาจหลุดรอด
ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยสูงหรือสถานที่สำคัญ จำเป็นต้องเพิ่มการเฝ้าระวังในแนวตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงจุดบอด
โดยการติดตั้งเซนเซอร์แบบเรียงซ้อนกันในแนวตั้ง (stacking installation) จะช่วยขยายพื้นที่การตรวจจับทั้งด้านบนและล่าง ทำให้ไม่มีช่องว่างในการป้องกัน
เซนเซอร์รุ่น SL-QDP และ SL-QDM ของ OPTEX รองรับการสลับ ช่องสัญญาณความถี่ 4 ช่อง สำหรับลำแสงอินฟราเรด ซึ่งช่วยป้องกันการรบกวนระหว่างเซนเซอร์ในกรณีติดตั้งซ้อนกัน
FAQ
1. Beam sensor ของ OPTEX สามารถใช้ภายนอกอาคารได้หรือไม่?
ได้แน่นอน Beam sensor ของ OPTEX ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานภายนอกโดยเฉพาะ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ฝน หมอก หรือฝุ่น เพื่อรักษาความเสถียรในการตรวจจับ บางรุ่นจึงมาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษดังต่อไปนี้:
- ระบบแจ้งเตือนผ่าน D.Q. เซอร์กิต: แจ้งเตือนผู้ใช้งานทันทีเมื่อประสิทธิภาพการตรวจจับได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น หมอกหนา ฝนตกหนัก หรือหิมะ
- เทคโนโลยี Sunshine Protection: ฟิลเตอร์แสงสามชั้นช่วยป้องกันการแจ้งเตือนผิดพลาดจากแสงแดดจ้า (รุ่น SL-QDP / SL-QDM)
- A.T.P.C. (Automatic Transmitter Power Control): ปรับกำลังส่งลำแสงอินฟราเรดอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม เพื่อลดการแจ้งเตือนผิดพลาดจากหมอก น้ำค้างแข็ง สัญญาณรบกวน หรือแสงที่มากเกินไป (มีในรุ่น SL-QDM Series)
2. หากกังวลเรื่องสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด มีวิธีแก้ไขหรือไม่?
ไม่ต้องกังวล ผลิตภัณฑ์ของ OPTEX มีเทคโนโลยีเฉพาะตัว เช่น โครงสร้างแบบ 4 ลำแสง (Quad-beam) และเทคโนโลยี Double Modulation (มีในรุ่น SL-QDP / SL-QDM Series) ที่ช่วยลดการตรวจจับผิดพลาดจากนก ใบไม้ปลิว ลมแรง และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. จำเป็นต้องติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือไม่?
เราแนะนำให้ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากการปรับแนวลำแสงและการติดตั้งให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เฉพาะทาง
อย่างไรก็ตาม OPTEX ประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน โดยมีคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้ช่างมืออาชีพติดตั้งได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
4. สามารถขอคำปรึกษาเรื่องการเลือกผลิตภัณฑ์กับ OPTEX ได้หรือไม่?
ได้แน่นอน OPTEX ให้การสนับสนุนอย่างครอบคลุมเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ไปจนถึงการให้คำแนะนำด้านการติดตั้ง
หากคุณกำลังพิจารณาที่จะติดตั้ง สามารถติดต่อ OPTEX ประเทศไทยได้เลย
นอกจากนี้ OPTEX ยังมีตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้สำหรับการซื้อสินค้าและบริการติดตั้งโดยช่างมืออาชีพในพื้นที่ของคุณได้อีกด้วย
ติดต่อ OPTEX
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ทุกเมื่อ
เราพร้อมให้การสนับสนุนและนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ